ประวัติสงครามโลกครั้งที่ 2 ศึกใหญ่ของประเทศมหาอำนาจ

ประวัติสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องศึกษาเพื่อย้ำเตือนถึงประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ที่เกิดขึ้นมาแล้วจริง ๆ ทั่วโลก พร้อมกับเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น มันเกินกว่าที่รัฐบาลหนึ่งหรือประเทศหนึ่งจะยอมรับได้ เพราะต้นทุนของสงครามนั้น มันมีมากเกินไป

ซึ่งในวันนี้ เว็บไซต์ Civilizationzeed.com ของเรา ต้องการที่จะมานำเสนอ ไทม์ไลน์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ทุกคนได้เห็นถึงที่มาของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1939 ถึง ปี ค.ศ. 1945 ซึ่งในขณะนี้เรียกได้ว่าเป็น สงครามที่คร่าชีวิตผู้ไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์

จุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2

ประวัติสงครามโลกครั้งที่ 2

เวิล์ดวอร์ทู หรือ สงครามโลกครั้งที่สอง เป็นความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับแทบทุกส่วนของโลก ผู้ทำสงครามหลัก ได้แก่ ฝ่ายอักษะ ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น และฝ่ายพันธมิตร ได้แก่ ฝรั่งเศส บริเตนใหญ่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และจีน ในระดับที่น้อยกว่า สงครามนี้เป็นความต่อเนื่องในหลาย ๆ ด้าน หลังจากห่างหายไปอย่างไม่สบายใจเป็นเวลา 20 ปี ของข้อพิพาทต่าง ๆ ที่ยังไม่คลี่คลายจากสงครามโลกครั้งที่ 1

เนื่องจากฝ่ายที่แพ้ก็คือเยอรมัน ต้องจ่ายค่าชดเชยต่าง ๆ หรือเรียกอีกอย่างว่า ค่าปฏิกรสงคราม ซึ่งมีปริมาณที่มาก จนทำให้ชาวเยอรมันเองไม่พอใจ จนส่งผลให้เกิดผู้นำคนใหม่ที่ชื่อ อดอฟ ฮิตเลอร์ ที่เป็นคนฉีกทุกกฎเกณฑ์ที่ประเทศต้องแบกรับ ทำให้ในช่วงแรกมีประชาชนส่งเสริมและสนับสนุนเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการทำสงครามแบบเดินเกมเร็ว คือการรุกคืบโดยใช้กำลังพล อาวุธ เข้าพื้นที่ของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง

การเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 โดยกองทัพเยอรมนี ได้ยกทัพบุกโปร์แลนด์ ส่งผลให้พันธมิตรของโปรแลนด์อย่างฝรั่งเศสและอังกฤษ ได้ประกาศสงครามกับเยอรมันทันที

วันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1939

ผู้นำโซเวียต โจเซฟ สตาลิน ออกคำสั่งให้บุกโปแลนด์ เพื่อรักษาส่วนแบ่งในดินแดนของโปแลนด์

27 กันยายน ค.ศ. 1939

กรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปรแลนด์ ยอมจำนนต่อกองทัพเยอรมัน ซึ่งโปแลนด์ถูกยืดเวลาอีก 9 วันก่อนยอมจำนน

13 ธันวาคม ค.ศ. 1939

กองเรือลาดตระเวนอังกฤษเอาชนะเรือประจัญบานของกองทัพเยอรมัน ใน สมรภูมิริเวอร์เพลท ซึ่งเป็นการสู้รบทางเรือครั้งใหญ่ครั้งแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยการต่อสู้หลักของฝั่งยุโรป จะเป็นการเผิชญหน้าของทั้งสองประเทศอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทั้งสองต่างมีทีเด็ดกันอยู่คนละรูปแบบ กล่าวคือ กองทัพอังกฤษ จะมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้กองเรือในการต่อสู้ มีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย รวมไปถึงมีประสบการณ์การต่อสู้โดยใช้กองเรือมาอย่างยาวนาน ส่วนกองทัพเยอรมัน แน่นอนว่าจุดเด่นอยู่ที่กองทัพบก ซึ่งพวกเขาได้ยกพลบุกทะลวงยึดประเทศต่าง ๆ ทั่วยุโรปมาได้เกือบทั้งหมด

10 พฤษภาคม ค.ศ. 1940

วินสตัน เชอร์ชิลล์ เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษแทนเนวิลล์ แชมเบอร์เลน ในวันเดียวกันนั้นเยอรมนีก็บุกเบลเยียม

26 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1940

เกิดเหตุการณ์ที่กองทัพอังกฤษต้องไปติดอยู่ชายหาด เพื่อรออพยพกลับไปยังเกาะอังกฤษจากดันเคิร์ก ประเทศฝรั่งเศส และสามารถรอดชีวิตมาสู้รบในวันอื่น

14 มิถุนายน ค.ศ. 1940

เป็นวันที่ปารีสต้องตกเป็นของกองทัพเยอรมัน เรียกได้ว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ในฝ่ายสัมพันธมิตร แพ้เป็นประเทศแรก

10 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม ค.ศ. 1940

ยุทธการแห่งเกาะบริเตนใหญ่ ซึ่งเป็นการนำเครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมันมาปะทะกับเครื่องบินรบของอังกฤษ เนื่องจากทางกองทัพเยอรมันได้วิเคราะห์แล้วว่าหากต่อสู้ทางเรือ เป็นเรื่องยากที่กองเรือเยอรมันจะไม่สามารถไปถึงกองเกาะบริเตนใหญ่ได้ จึงได้มีการนำเครื่องบินทิ้งระเบิด บินไปทิ้งยังเกาะนั้น แต่อย่างไรก็ตามด้วยการได้กำลังใจของกษัติย์ในตอนนั้น ทำให้อังกฤษยังไม่ยอมแพ้สงครามครั้งนี้

7 ธันวาคม ค.ศ. 1941

ตัดภาพมาในการต่อสู้ภาคพื้นแปซิฟิค ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เริ่มทำสงครามกับสหรัฐฯ เมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของสหรัฐ ฮิตเลอร์จึงประกาศสงครามกับอเมริกาในอีก 4 วันต่อมา แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของฝ่ายอักษะในครั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดของสงคราม เพราะเดิมทีอเมริกาเอง วางตัวเป็นกลาง ไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้อยู่แล้ว 

แต่เมื่ออธิไตยของพวกเขาถูกหยามเหยียด มีเหตุการณ์ที่ต้องทำให้พลเมืองอเมริกันเสียชีวิต ทำให้พวกเขาต้องเขาร่วมสงครามในครั้งนี้ และเป็นจุดเปลี่ยนของการต่อสู้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไปโดยปริยาย ในสมัยนั้นประธานาธิบดี รูสเวล ได้เป็นผู้นำในการบัญชากองทัพ รวบรวมเอานักวิทยาศาตร์ ทหารฝีมือดี แม่ทัพ กำลังพล ยุทโธปกรพร้อมเข้าสู้เต็มที่ โดยเปรียบเสมือนว่า เป็นการปลุกยักษ์ที่หลับไหล ให้ตื่นขึ้นมาเพื่อสู้ในสงครามครั้งนี้

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม: ประวัติศาสตร์โลก

เรื่องที่เกี่ยวข้อง